พลิกโฉมนวัตกรรมยาง สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

 

ค่ายรถยนต์ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจำนวนกว่าครึ่ง(1) วางใจเลือกใช้ยางมิชลินเป็นยางมาตรฐานติดรถ

 

วิศวกรของมิชลินทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ อาทิ ปอร์เช่ (Porsche), เทสลา (Tesla), เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG), บีเอ็มดับเบิลยู (BMW), โฟล์คสวาเกน (Volkswagen), ฟอร์ด (Ford), ลูซิด (Lucid), ฮุนได (Hyundai), บีวายดี (BYD) และเสี่ยวเผิง (XPENG) เพื่อออกแบบยางล้อที่ให้สมรรถนะตอบโจทย์ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและช่วยให้การเดินทางสัญจรที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นเรื่องน่าเพลิดเพลินยิ่งขึ้น

ยางมิชลินทุกรุ่นรองรับการใช้งานร่วมกับยานยนต์ไฟฟ้า 

 

เนื่องจากยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ จึงมีน้ำหนักมากกว่ายานยนต์ประเภทสันดาปภายใน แต่สามารถเร่งเครื่องได้เร็วกว่า ลักษณะจำเพาะดังกล่าวประกอบกับการมีแรงบิดสูง เครื่องยนต์ทำงานเงียบกว่า และความพยายามเพิ่มระยะใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งให้ยาวนานขึ้น ส่งผลให้ยานยนต์ไฟฟ้าต้องการยางล้อที่มีคุณสมบัติพิเศษ


 

ออกแบบยางให้มีสมรรถนะสูงสุดสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า 

 

การเลือกติดตั้งยางที่เหมาะกับยานยนต์ไฟฟ้าจะช่วยส่งเสริมการขับขี่ให้เป็นไปอย่างเต็มสมรรถนะ ทั้งในแง่ระยะใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง, ระยะทางวิ่ง (กิโลเมตร), ความเงียบภายในห้องโดยสาร และความปลอดภัย(2) พร้อมทั้งให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า

 

วิ่งได้ไกลกว่าต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง

เพื่อให้มีระยะใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งยาวนานสูงสุด ยานยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ยางที่มีแรงต้านทานการหมุนของล้อต่ำ นับตั้งแต่เริ่มวางตลาดยาง ‘มิชลิน เอนเนอจีย์’ (MICHELIN Energy) เมื่อปี 2535 มิชลินสามารถลดแรงต้านทานการหมุนของยางล้อลงได้กว่าครึ่ง(3) โดยในปัจจุบัน ยางที่มิชลินนำเสนอ อาทิ ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (MICHELIN Pilot Sport EV) มีระยะทางวิ่งไกลขึ้นถึง 60 กิโลเมตร เนื่องจากยางมีแรงต้านทานการหมุนของล้อต่ำ

วิ่งได้ระยะทางมากขึ้น

ยานยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ยางที่มีอายุใช้งานยาวนานสูง เนื่องจากแรงบิดที่สูงและน้ำหนักแบตเตอรี่ส่งผลต่อการสึกหรอของยาง เมื่อปี 2489 มิชลินได้พัฒนา ‘มิชลิน เอ็กซ์’ (MICHELIN X) ยางเรเดียลรุ่นแรกซึ่งช่วยให้ยางมีความแข็งแรงทนทานเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า นับจากนั้น มิชลินจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ยางที่มีอายุใช้งานยาวนานมาอย่างต่อเนื่อง

เพลิดเพลินไปกับการขับขี่ที่เงียบสบายยิ่งขึ้น

เมื่อเครื่องยนต์ปราศจากเสียงรบกวน เสียงรบกวนภายในห้องโดยสารที่เกิดจากยางล้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ เทคโนโลยี MICHELIN Acoustic ช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารลงได้ถึงเกือบ 20%(4)

คำแนะนำสำหรับการเดินทางสัญจรด้วยยานยนต์ไฟฟ้า

‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’…ยางที่พัฒนาขึ้นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (MICHELIN Pilot Sport EV) เป็นยางรุ่นแรกในตระกูล ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต’ ที่ออกแบบขึ้นสำหรับรถสปอร์ตไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยอาศัยประสบการณ์ในการเข้าร่วมรายการแข่งรถระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าประเภทที่นั่งเดี่ยว ‘ฟอร์มูลา อี’ ของสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA Formula E) ระหว่างปี 2557-2565

ค้นหาข้อมูลยางมิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี

ยาง ‘MICHELIN e.Primacy’

ยาง ‘มิชลิน อี.ไพรมาซี่’ (MICHELIN e.Primacy) ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงาน(5) ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเลือกใช้ยางรุ่นนี้เป็นยางมาตรฐานติดรถสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ระบบไฮบริด หรือยานยนต์ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ

ยางรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า

ยางมิชลินที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยคุณสมบัติการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมโดยเฉพาะในสภาพผิวถนนแห้ง และเสถียรภาพการบังคับรถ ทั้งยังให้อายุใช้งานยาวนานจีง ทำให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจด้วยยางมิชลินรุ่นพิเศษที่ออกแบบเพื่อรองรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ของคุณ 

ค้นหาศูนย์บริการ

หรือ

พิชิตความท้าทายด้านพลังงานไฟฟ้าตลอดระยะหลายปี

ในปี 2442 มิชลินได้พัฒนายางล้อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ใช้ชื่อว่า “La Jamais Contente” ซึ่งวิ่งได้เร็วกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ออกแบบยางที่ประหยัดพลังงานและมีอายุใช้งานยาวนาน

นับตั้งแต่ปี 2489 ที่มิชลินคิดค้นสถาปัตยกรรมยางระดับปฏิวัติวงการสำหรับยางเรเดียล ‘มิชลิน เอ็กซ์’ (MICHELIN X) จนถึงปี 2535 ที่ได้พัฒนายาง ‘มิชลิน เอนเนอจีย์’ (MICHELIN Energy) โดยนำซิลิกามาเป็นส่วนผสมในเนื้อยาง จะเห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์ยางของมิชลินมีอายุใช้งานยาวนานขึ้น ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น(7)

เป็นผู้บุกเบิกกีฬามอเตอร์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้าระดับโลก

มิชลินนำความรู้ความชำนาญที่สั่งสมจากการแข่งรถระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าประเภทที่นั่งเดี่ยว ‘ฟอร์มูลา อี’ ของสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA Formula E) ระหว่างปี 2557-2565 และการแข่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของสมาพันธ์รถจักรยานยนต์นานาชาติ (FIM MotoE) มาใช้ในการออกแบบยางล้อสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

ออกแบบยางล้อสำหรับรถไฟฟ้าระดับพรีเมียม

รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ‘ปอร์เช่ 718 เคย์แมน จีที4 อี-เพอร์ฟอร์แมนซ์’ (Porsche 718 Cayman GT4 E-Performance) ใช้ยางมาตรฐานติดรถที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและวัสดุจากชีวมวลซึ่งสามารถทดแทนได้ในสัดส่วนสูงถึง 53%

เคยเห็นยางรุ่นแรกสำหรับรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าหรือไม่

ผลิตภัณฑ์ยาง ‘มิชลิน เอ็กซ์ อินซิตี้ อีวี แซด’ (MICHELIN X Incity EV Z) ผสานคุณสมบัติด้านความปลอดภัย อายุใช้งานที่ยาวนาน ความเคารพต่อสิ่งแวดล้อม และความจุในการชาร์จที่เพิ่มขึ้น   

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยางกลุ่มนี้ของมิชลินถือเป็นการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่โซลูชั่นการสัญจรด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งมีระบบการทำงานที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะนำไปสู่ความเป็นเมืองที่ยั่งยืน

 

เหตุผลที่ควรเลือกใช้ยางมิชลิน

มีบทบาทในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

มิชลินเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางล้อที่ลงทุนในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นทั้งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยางล้อและธุรกิจอื่นนอกเหนือจากยางล้อ(8)

มิชลิน...มุ่งขับเคลื่อนสู่อีกระดับของชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง

ผลิตภัณฑ์ยางของมิชลินได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค ผู้ผลิต นักแข่งมอเตอร์สปอร์ต และผู้นำทางความคิด ซึ่งล้วนมีความคาดหวังสูง

บุกเบิกเส้นทางสู่อนาคตของการสัญจรด้วยพลังงานไฟฟ้า

ด้วยศักยภาพด้านนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญด้านเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และความสามารถในการรวบรวมผู้คน มิชลินจึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการสัญจรเคลื่อนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้า